จากข่าวใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ ประกาศซื้อกิจการร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods ด้วยมูลค่าถึง 13,700 ล้านดอลลาร์ เท่ากับเป็นการประกาศเข้าสู่โลกค้าปลีกแบบออฟไลน์ของ Amazon อีกก้าวหนึ่ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีคือราคาหุ้นค้าปลีกในอเมริกาพากันร่วงเมื่อข่าวนี้ออกมา
แต่เรื่องนี้อาจทำให้สตาร์ทอัพรับฝากซื้อของชำอย่าง Instacart มีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีกเช่นกัน
Instacart เป็นสตาร์ทอัพให้บริการซื้อของชำจากร้านค้า-ซูเปอร์มาร์เก็ต (ของไทยที่คล้ายกันคือ HappyFresh) เหตุผลที่บอกว่าซับซ้อน เพราะนอกจาก Amazon จะรุกเข้าตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือเป็นการแข่งขันโดยตรงไปอีกขั้นนั้น Instacart เองก็เพิ่งทำดีลข้อตกลงกับ Whole Foods เพื่อเป็นผู้จัดส่งสินค้าแต่เพียงผู้เดียว (exclusive) เป็นเวลา 5 ปี เมื่อปีที่แล้ว เท่ากับสัญญานี้ยังเหลืออีกเกือบ 4 ปี ทำให้ในช่วงเวลานี้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญา การจัดส่งสินค้าจะต้องทำภายใต้ Instacart ต่อไป
โฆษกของ Instacart กล่าวถึงการที่ Amazon ซื้อ Whole Foods ว่า เป้าหมายของ Instacart คือการช่วยร้านของชำมาสู้ในโลกออนไลน์ และการที่ Amazon รุกคืบเช่นนี้ก็เท่ากับประกาศสงครามกับซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งอเมริกา อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่า Whole Foods นั้นเป็นรายได้ของ Instacart ไม่ถึง 10% จึงไม่น่าได้รับผลกระทบมาก
ในเบื้องต้น Amazon ก็จะได้ใช้ประโยชน์จาก Instacart ผ่าน Whole Foods เพราะบริการส่งสินค้าที่คล้ายกันอย่าง Amazon Fresh นั้น ให้บริการเพียง 20 เมือง ขณะที่ Instacart มีให้บริการแล้ว 69 เมือง
ที่มา: Bloomberg
อ่านเพิ่มเติม: รู้จัก Instacart - ช้อปของชำออนไลน์ การันตีความสดถึงมือในหนึ่งชั่วโมง