รู้จักแอพ LINE Mobile ควบคุมค่าใช้จ่ายและแพ็กเกจที่ใช้งานง่ายๆ ด้วยตัวเอง

by advertorial
26 June 2017 - 10:16

จากตอนที่แล้ว เราเรียนรู้วิธีการสมัครใช้บริการ LINE Mobile ผ่านหน้าเว็บกันไปแล้ว เมื่อซิมการ์ดส่งมาถึงบ้าน สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงแค่หักซิมออกจากกรอบแล้วเสียบเข้าใช้งานกับโทรศัพท์ได้ทันที ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ

แต่เพื่อให้การใช้งาน LINE Mobile เต็มประสิทธิภาพ เราควรดาวน์โหลดแอพ LINE Mobile เพื่อให้เราสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนบริการที่ใช้งานได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องติดต่อคอลล์เซ็นเตอร์ให้เสียเวลา

ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ LINE Mobile

แอพ LINE Mobile มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน iOS และ Android โดยในบทความนี้จะอ้างอิงจากเวอร์ชัน Android เป็นหลัก

การดาวน์โหลดแอพไม่มีอะไรยาก เพียงแค่ค้นหาชื่อ LINE Mobile ใน App Store หรือ Play Store ก็ติดตั้งได้เหมือนแอพปกติ

เมื่อติดตั้งเสร็จ เปิดแอพขึ้นมาครั้งแรก จะพบกับหน้า Tutorial เล็กน้อย อธิบายว่าแอพตัวนี้ช่วยควบคุมการใช้งานของเรา และสามารถจ่ายค่าบริการรายเดือนจากแอพนี้ได้ทันที

ทั้งหมดเป็นบริการแบบ self-service ที่สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ทุกเวลาจากในแอพเลย

ถ้าหากเราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi จะไม่สามารถล็อกอินเพื่อใช้แอพได้ ให้เราเสียบซิม LINE Mobile แล้วเชื่อมต่อเน็ตผ่าน 3G/4G ก่อน หน้าจอล็อกอินจึงจะโผล่ขึ้นมา ตรงนี้สามารถใช้ username/password ที่เราตั้งไว้ตอนสมัครใช้บริการได้เลย

เริ่มต้นใช้งานแอพ หน้าจอ Dashboard

หลังจากล็อกอินเข้ามาในแอพแล้ว หน้าจอหลักของแอพจะมี 2 แท็บคือ Dashboard กับ Control

หน้าจอที่เราใช้บ่อยที่สุดคือ Dashboard ซึ่งจะบอกข้อมูลสำคัญ 3 อย่างคือ

  • ยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Outstanding Balance)
  • จำนวนนาทีและเน็ตความเร็วสูงที่เหลืออยู่ (Minutes/Data Remaining)
  • แพ็กเกจที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน (Current Package)

จุดเด่นของหน้าจอ Dashboard คือการแสดงจำนวนนาทีและเน็ตแบบเต็มสปีดที่เหลืออยู่ในรูปแถบสีเขียว มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่า เดือนนี้เราใช้เน็ตและโทรไปแล้วเท่าไร และเหลืออีกเท่าไร ช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการแพ็กเกจตลอดวันที่เหลืออยู่ของเดือนนั้นๆ ได้ง่ายมาก

Control ควบคุมการทำงานได้ดั่งใจ

แท็บด้านข้างของ Dashboard คือ Control (ควบคุม) หน้าที่ของมันคือเป็นปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของฟีเจอร์สำคัญ 2 อย่าง

อย่างแรกคือ Data Control หรือควบคุมความเร็วเน็ต ระหว่างความเร็ว 256kbps เน็ตฟรีไม่จำกัดปริมาณ และความเร็วสูงสุด (Full Speed) ตามแพ็กเกจที่เราซื้อไว้ ฟีเจอร์นี้ถือเป็น "ทีเด็ด" ของ LINE Mobile ที่ช่วยให้เราประหยัดปริมาณเน็ตได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เน็ตแบบเต็มสปีดให้หมดก่อน

หากเรารู้ล่วงหน้าว่าช่วงไหนไม่จำเป็นต้องใช้เน็ตความเร็วสูง เช่น ใช้งานแค่การแชทอย่างเดียว เราสามารถเข้ามาปรับความเร็วในหน้า Data Control เป็นเน็ตฟรีแบบ 256kbps ไว้ก่อน เมื่อจะใช้เน็ตทำงานที่ต้องอาศัยความเร็ว เช่น ดูคลิปหรืออัพโหลดภาพ ค่อยมาปรับเป็นเน็ตแบบเต็มสปีดได้ตามต้องการ

ส่วนฟีเจอร์ที่สองคือ Out-of-Plan Charge Control หรือการควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินแพ็กเกจ ตรงนี้เราสามารถตั้งลิมิตค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเน็ตรั่วหรือโทรเกินวงเงินได้

ปกติแล้วถ้าเราใช้บริการมือถือค่ายอื่นๆ การตั้งลิมิตมักจำเป็นต้องโทรไปแจ้งคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งหลายคนอาจขี้เกียจเพราะต้องรอเสียเวลารอสาย แต่กรณีของ LINE Mobile เราสามารถตั้งค่านี้ได้เอง แถมปรับเปลี่ยนลิมิตได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

ความสามารถอื่นของแอพ LINE Mobile

นอกจากหน้าจอหลัก Dashboard และ Control แล้ว เรายังสามารถกดปุ่มเมนูตรงมุมซ้ายบน เพื่อเข้าถึงความสามารถอื่นๆ ของแอพ LINE Mobile ได้ (หน้าจอนี้ยังใช้สลับภาษาของแอพระหว่างไทยกับอังกฤษได้ด้วย)

ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงความสามารถด้านการจัดการแพ็กเกจและจ่ายเงิน 3 ส่วน ดังนี้

Billing (ค่าใช้จ่าย)

หน้าจอ Billing แสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายประจำเดือน โดยจะแสดงเป็น timeline ตามลำดับเวลาให้ดูง่าย อีกทั้งสามารถกดจ่ายเงินจากหน้าจอนี้ได้ทันที (จ่ายได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต-เดบิต และ Rabbit LINE Pay)

ความสามารถอีกอย่างที่มีประโยชน์มากคือ เราสามารถกดที่รายละเอียดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพื่อดูไฟล์บิลฉบับเต็ม อันเดียวกับที่ส่งมาให้เราทางไปรษณีย์ได้ด้วย

Packages (แพ็กเกจ)

เมนูอันถัดมาคือ Package ที่แสดงรายละเอียดแพ็กเกจที่เราใช้อยู่ในเดือนนั้นๆ ว่าราคาเท่าไร ให้ปริมาณการโทรและเน็ตเท่าไร (SMS ไม่อั้นทุกแพ็กเกจ) เรายังสามารถกดสลับไปใช้แพ็กเกจอื่นได้จากหน้าจอนี้ โดยจะเริ่มมีผลในรอบบิลถัดไป

หมายเหตุ: ราคาที่เห็นในภาพเป็นราคาแพ็กเกจในช่วง Beta Test และอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดบริการเต็มรูปแบบ

Toppings (แพ็กเกจเสริม)

ในกรณีที่เน็ตแบบเต็มสปีดในแพ็กเกจของรอบเดือนนั้นไม่พอใช้งาน จะเปลี่ยนเป็นแพ็กเกจที่ใหญ่ขึ้นก็ต้องรอมีผลในรอบเดือนถัดไป เราสามารถกดซื้อเน็ตเสริมได้จากเมนู Topping เพื่อใช้งานเน็ตได้ทันที

ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์เด่นของแอพ LINE Mobile ที่ปฏิวัติแนวคิดเดิมๆ ของการใช้งานโทรศัพท์มือถือ เพราะผู้ใช้สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และเปลี่ยนแปลงการใช้งานต่างๆ ด้วยตัวเองผ่านแอพ ต่างจากในยุคอดีตที่ต้องโทรแจ้งคอลล์เซ็นเตอร์หรือเข้าเว็บของผู้ให้บริการ

อย่างไรก็ตาม LINE Mobile ยังอยู่ในขั้นพัฒนาและจะมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ถูกใจผู้บริโภคชาวไทยตามมาอีกมาก ขอให้อดใจรอกันอีกไม่นาน

Blognone Jobs Premium