ไขความลับธุรกิจ ตัวชี้วัดความสำเร็จทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการทุกคนควรเรียนรู้ By Erwan Philippe

by sponsored
29 June 2017 - 07:11

ผู้ประกอบการแต่ละคนต่างมีเหตุผลในการเริ่มต้นธุรกิจที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเริ่มต้นจากความต้องการในการนำเสนอบริการใหม่ หรือการปรับปรุงบริการที่มีอยู่เดิมก็ตาม ทุกบริษัทมีเป้าหมายที่ไม่ต่างกัน นั่นก็คือ การสร้างผลกำไรและการอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด

ตัวชี้วัด 5 ประการที่จะช่วยตรวจสอบระดับความมั่นคงของธุรกิจ

1 .กระแสเงินสด

กระแสเงินสด ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินสดที่ได้รับและจ่ายออกจากบริษัทของคุณ โดยเมื่อมีเงินสดเข้ามาจะบันทึกเป็นกระแสเงินสดแดนบวก และเมื่อจ่ายเงินสดออกไปจะบันทึกเป็นกระแสเงินสดแดนลบ ซึ่งจะต้องมีการวางแผนที่จะทำให้กระแสเงินสดทั้งแดนบวกและแดนลบ สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน

2. รายรับจากการขาย

รายรับจากการขาย ซึ่งหมายถึง รายรับจากค่าสินค้าและบริการ ที่ลูกค้าซื้อจากคุณลบกับรายจ่ายจากการคืนสินค้าหรือสินค้าที่ไม่ได้จัดส่ง ผู้ประกอบการควรจะติดตามรายรับจากการขายเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกไตรมาส เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการวางแผนกลยุทธ์เพื่อให้พร้อมรับมือกับช่วงเดือนที่ยอดขายลดลง

3. กำไรสุทธิและกำไรขั้นต้น

กำไรสุทธิและกำไรขั้นต้น คือตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงว่าเงินที่คุณใช้จ่ายไปนั้นสามารถคืนกำไรให้กับคุณอย่างคุ้มค่าหรือไม่ เริ่มจาก กำไรขั้นต้น แสดงให้เห็นสัดส่วนของรายรับต่อต้นทุนการผลิต โดยการคำนวณหากำไรขั้นต้นนั้น ให้นำยอดรวมของรายรับมาลบกับต้นทุนของสินค้าที่ขายได้ (COGS) จากนั้น ให้นำผลลัพธ์ที่ได้มาหารกับยอดรวมของรายรับ แล้วแปลงผลลัพธ์ที่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ โดยสูตรของการคำนวณกำไรขั้นต้นคือ

กำไรขั้นต้น = [(รายรับ-COGS)/รายรับ] X 100

ก่อนที่จะคำนวณกำไรสุทธิ คุณจะต้องประมวลรายรับจากการดำเนินการ ซึ่งนั่นก็คือรายรับก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย แล้วนำรายรับจากการขายลบกับ COGS และลบกับรายจ่ายจากการดำเนินการ ซึ่งแสดงเป็นสูตรคำนวณได้ดังนี้

รายรับจากการดำเนินการ = (รายรับ-COGS) – รายจ่ายจากการดำเนินการ

เมื่อได้รายรับจากการดำเนินการแล้วให้นำมาหักจากค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็น ภาษี ดอกเบี้ย และต้นทุนอื่นๆ เพื่อหาค่ากำไรสุทธิของคุณ จากนั้น นำผลลัพธ์ที่ได้มาเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยยอดรวมรายรับ แล้วแปลงผลลัพธ์ที่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ยอดกำไรสุทธิแล้ว

กำไรสุทธิ = [(รายรับจากการดำเนินการ-ภาษีและดอกเบี้ย)/รายรับ] x 100

4.ความภักดีของลูกค้าและการรักษาฐานลูกค้า

แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญเพื่อความยืนหยัดของธุรกิจ คือฐานลูกค้าที่มีความภักดี ซึ่งความภักดีของลูกค้านี้เองที่มีค่ามากกว่ากลยุทธ์ทางการตลาดที่สวยหรู เนื่องจากลูกค้าที่มีความพึงพอใจจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลูกค้ารายอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างชื่อ และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี

5.มูลค่าระยะยาวของลูกค้า (CLV) และต้นทุนการสร้างฐานลูกค้า (CAC)

ต้นทุนในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ คือเรื่องที่ธุรกิจที่กำลังเติบโตจะต้องศึกษาให้ถ่องแท้เพื่อให้สามารถประเมินได้ว่าธุรกิจกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการคำนวณค่า CLV นั้น ให้นำยอดขายโดยเฉลี่ยมาคูณกับจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมซ้ำ แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปคูณกับระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ลูกค้าแต่ละรายอยู่กับคุณ และในทางกลับกัน สำหรับการคำนวณค่า CAC นั้น ให้นำงบรวมค่าการตลาดและโฆษณาเป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนลูกค้าที่หามาได้ในช่วงเวลาที่กำหนด

สำหรับเจ้าของธุรกิจทุกประเภท ตัวชี้วัดนี้ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยไขความกระจ่างได้ว่า เราต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไรในการหาลูกค้าใหม่ และช่วงเวลาใดคือช่วงที่เหมาะสมในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ เพื่อให้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งดำรงอยู่ได้ เจ้าของธุรกิจจึงควรจัดหาชุดข้อมูลชี้วัดพร้อมใช้มาเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ ซึ่งสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการหาค่าชี้วัด ที่ SAP Business One ซึ่งจะช่วยให้คุณติดตามตัวชี้วัดทางธุรกิจแบบบูรณาการ กับการใช้งานที่ง่ายดาย และแดชบอร์ดที่แสดงผลประกอบการข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นแดชบอร์ดที่พร้อมให้คุณอัพเดทข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ สามารถทดลองใช้ SAP Business One ฟรี ตอนนี้เลย

Blognone Jobs Premium