เดเมียน วอง รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำ Red Hat ในอาเซียน ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมการเงิน การประกันภัย ต้องขับเคลื่อนตัวเองโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น เพราะมีความท้าทายใหม่ เกิดขึ้นมากมาย ลูกค้าคาดหวังกับอุตสาหกรรมการเงินมากขึ้น กฎระเบียบ เงื่อนไขสร้างรายได้มีระยะเวลายาวขึ้น ความกดดันจากการแข่งขัน ฟินเทค บล็อกเชนที่ลดความสำคัญของธนาคารลงไป เป็นปัจจัยบังคับให้สถาบันการเงินต้องเปลี่ยนตัวเอง
อุตสาหกรรมการเงินจำเป็นต้องสร้างช่องทางบริการให้หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เมื่อกฎระเบียบเปลี่ยนแปลง สถาบันการเงินจะปรับเปลี่ยนตามได้ทันที ลดค่าใช้จ่ายการบริการจัดการ
ทางออกที่ดีคือทำ "Open Banking" เป็นข้อเสนอจาก European Commission เริ่มจากทำ Open API ให้นักพัฒนาจาก third party เข้ามาพัฒนาแอพพลิชั่นได้
Open API คือ อินเตอร์เฟซที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะนำไปสู่ Open Banking API ได้ในอนาคต
ไมเคิล อาราเน็ตตา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของ IDC Financial เผยงานวิจัยของ IDC ระบุว่า 44% ของบริษัทการเงินในเอเชียแปซิฟิก มีแผนและโปรแกรมทำ Open API ภายในปีหน้า ส่วนอีก 18% ยังไม่มีแผนการจะทำ 17% มีโปรแกรมทำภายในปีนี้ และ 17% มีการใช้ Open API แล้ว
API มีสองอย่างคือ Private API คือธนาคารใช้ API เฉพาะในธนาคาร ส่วน Open Banking API คือให้ธนาคารเปิดไปถึงผู้ให้บริการอื่นนอกธนาคารโดยผ่านทาง third party ตอนนี้ในประเทศไทย มีธนาคารใช้ Open API บ้างแล้ว แต่จำนวนยังถือว่าน้อย
อย่างไรก็ตาม Open Banking API ก็มีช่องโหว่ คือ แบรนด์ธนาคารไม่ถูกจดจำในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยี และ third party อาจนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ได้ แต่ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ทำรายได้มากขึ้นเพราะมีช่องทางการบริการการเงินหลากหลาย นำนวัตกรรม แอพพลิเคชั่นใหม่จากภายนอกมาพัฒนาการบริการได้ ช่วยเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินได้พบเจอพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ โอกาสทำธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งหากไม่ทำ ฟินเทคจะเข้ามาทำแน่นอน