หลัง LG G5 เรือธงปีที่แล้วไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้กับโทรศัพท์แบบโมดูลาร์ ปีนี้ LG ขอแก้ตัวใหม่กับ LG G6 ที่หันกลับมาทำโทรศัพท์ในแบบดั้งเดิม แต่ปรับปรุงดีไซน์ใหม่ ให้มีความบาง พร้อมหน้าจอแบบใหม่ที่ LG เรียกว่า FullVision ทำให้ขอบหน้าจอของ LG G6 บางมาก และสามารถขยายขนาดหน้าจอให้ใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว ภายใต้บอดี้เพียง 5.2 นิ้ว
ความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของ LG G6 คือหน้าจอ FullVision ขนาด 5.7 นิ้ว ที่กินพื้นที่เกือบ 80% ของตัวเครื่อง ทำให้พื้นที่ในการแสดงผลเพิ่มมากขึ้น พร้อมสัดส่วนของจอแบบ 2:1 ที่เหมาะกับการชมภาพยนตร์
LG G6 ยังรองรับมาตรฐาน HDR10 และเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกที่รองรับมาตรฐาน Dolby Vision ซึ่งเป็นมาตรฐานการแสดงผล HDR ของ Dolby Laboratories ที่ทำออกมาแข่งกับ HDR10 โดยมีค่าความสว่างสูงสุดและความลึกของสีตามสเปคที่มากกว่า HDR10
สมาชิก Netflix หรือ Amazon Prime Video แพ็คเกจระดับสูงๆ จะสามารถชมภาพยนต์ที่รองรับมาตรฐาน HDR10 และ Dolby Vision ได้อย่างเต็มที่บน LG G6
ด้านข้างของตัวเครื่อง อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า LG ออกแบบใหม่ ทำให้ LG G6 มีความบางและสวยงามมากยิ่งขึ้น แถมเป็นดีไซน์แบบ Unibody ไร้รอยต่อ ซึ่งด้วยขนาดของตัวเครื่อง น้ำหนักและความบางนี้ ถือว่ากำลังพอดีเมื่ออยู่ในมือ ไม่ให้ความรู้สึกว่ามือถือจะหลุดหรือหล่นจากมือใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านล่างเป็นพอร์ท USB-C ที่รองรับ Quick Charge 3.0 ซึ่งหัวชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องก็รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วนี้ด้วย ส่วนด้านข้างเป็นลำโพง ซึ่ง LG G6 มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Quad DAC ช่วยลดความเพี้ยนของสัญญาณ (นอยซ์) ลง ช่วยให้เสียงชัดขึ้นราว 50%
ด้านหลังเป็นกล้องคู่ และปุ่มล็อคหน้าจอซึ่งเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว
จุดเด่นของกล้องบน LG G6 คือกล้องเลนส์ไวด์กว้างถึง 125 องศา ช่วยเพิ่มมิติและองศาในการถ่ายภาพได้ง่ายๆ โดย UI บนตัวกล้องจะมีให้กดเลือกได้เลยว่าจะถ่ายภาพจากมุมกว้างหรือมุมแคบโดยไม่ต้องซูม ซึ่งฟังก์ชันนี้รองรับทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง ทำให้ในเคสของกล้องหน้า สามารถถ่ายได้ทั้งเซลฟี่เดี่ยวและกลุ่มสบายๆ
(บน) ภาพมุมแคบ, (ล่าง)ภาพมุมกว้าง
แอปกล้องยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Square Mode สำหรับการถ่ายภาพแบบสี่เหลี่ยมจตุรัสลักษณะเดียวกับการถ่ายลง Instagram ในสมัยก่อน ซึ่ง Square Mode ก็จะมีโหมดย่อยลงไปให้เลือกอีกได้แก่
ส่วนคุณภาพกล้องหลังโดยรวมดีน่าพอใจ โดยเฉพาะในที่แสงเยอะๆ ไวท์บาลานซ์ค่อนข้างดี สีสดคมชัด อย่างไรก็ตามในพื้นที่แสงน้อยหรือในร่ม อาจมีปัญหานอยซ์หรือการเก็บรายละเอียดบ้างประปราย แต่โดยรวมยังถือว่าน่าพอใจ ซึ่งกล้องของ LG G6 ได้รับคะแนนจาก DxOMark สูงถึง 84 คะแนน
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดบน LG G6 คงหนีไม่พ้นดีไซน์ที่บางแต่โฉบเฉี่ยว ถือกระชับมือ ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไปและไม่หล่นง่าย ประกอบกับหน้าจอ FullVision ที่ให้ความรู้สึกในการใช้งาน ไม่ว่าจะแชท เล่นโซเชียล หรือดูหนังฟังเพลงได้อย่างเต็มอารมณ์
ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตอบสนองค่อนข้างเร็วและแม่นยำ โฮมเซ็นเซอร์จะเป็นปุ่มล็อคหน้าจอไปในตัวด้วย แต่ด้วยความที่ LG รองรับ gesture อย่างการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งที่หน้าโฮมเพื่อล็อคจอ ทำให้ปุ่มด้านหลังแทบไม่ได้ใช้งานเลย
ส่วนแบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 3,300 mAh ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันแบบเหลือๆ ขณะที่ระบบชาร์จก็รองรับ Quick Charge 3.0 ที่ใช้เวลาชาร์จราวๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่รวมการชาร์จเพียง 20-30 นาที ก็จะได้แบตเตอรี่กลับคืนมาราวๆ 30-40% แล้ว
ถือเป็นการแก้ตัวจาก LG G5 ที่ทำได้ค่อนข้างดี สำหรับ LG G6 ไม่ว่าจะเรื่องดีไซน์และขนาด โดยเฉพาะหน้าจอ FullVision ขนาด 5.7 นิ้วบนบอดี้ 5.2 นิ้ว ความละเอียดถึง QHD ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ใช้งาน LG G6 ได้ค่อนข้างมาก ขณะที่กล้องหลังก็ถือว่าดีไม่แพ้เรือธงรุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะคอนทราสต์ที่สดและไวท์บาลานซ์ที่เป็นธรรมชาติ
LG G6 วางจำหน่ายแล้วในราคา 24,900 บาท แถม LG ยังออกโปรโมชั่นซื้อช่วงนี้แถมทีวี LED ขนาด 43" รุ่น 43LJ500T มูลค่า 13,900 บาทด้วย หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่