ปีนี้ ASUS เข็นไลน์ผลิตภัณฑ์ ZenFone ด้วยแนวคิด We Love Photo ทำให้ ASUS พยายมขายความสามารถของกล้องในทุกรุ่นย่อย ไม่เว้นแม้แต่รุ่นเล็กอย่าง ZenFone Max Pro ก็ยังมาพร้อมกล้องคู่ โดยมีเลนส์หนึ่งเป็นเลนส์ไวด์ 120 องศา
ZenFone Max Pro จัดอยู่ในรุ่นล่างที่สุดของไลน์ เรื่องสเปคก็ตามราคา นอกจากกล้องคู่แล้ว จุดเด่นของรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นแบตเตอรี่ที่ให้มา 5,000 mAh สามารถใช้งานข้ามวันได้สบายๆ ไปจนถึงตัว ZenFone Max Pro เองสามารถทำตัวเป็นแบตเตอรีี่สำรองจ่ายไฟให้เครื่องอื่นด้วยฟีเจอร์ Reverse Charging ด้วย
ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 5,000 mAh ทำให้ ZenFone Max Pro มีความหนาและหนักไปโดยปริยายเมื่อเทียบสมาร์ทโฟนไซส์ใกล้เคียงกัน ขณะที่หน้าจอมาในขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด FHD
ด้านบนเป็นกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED Softlight สำหรับการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย แถมด้วยโหมด Beauty และ Selfie Panorama ที่สามารถถ่ายเซลฟี่ได้กว้างถึง 140 องศา
ด้านล่างตัวเครื่องเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไมโครโฟนและลำโพงเดี่ยวด้านขวา พอร์ทเป็น microUSB
พอร์ทหูฟังมีมาให้อยู่ด้านบน
ปุ่มล็อคหน้าจอและปรับเสียง
ถาดซิมด้านซ้ายเป็นแบบ 3 slot สามารถใส่สองซิมได้พร้อมๆ กับ microSD
กล้องด้านหลังเป็นกล้องคู่ กล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องเสริมเป็นกล้องเลนส์ไวด์ 120 องศา
ส่วนสเปคอื่นๆ ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 430 จีพียู Adreno 505 แรม 3GB หน่วยความจำ eMCP 32GB รองรับ microSD 256GB รันแอนดรอยด์ 7.1.1 ครอบด้วย ZenUI
จุดเด่นที่สุดของกล้องบน ZenFone Max Pro ที่พบคือเลนส์ไวด์ 120 องศาที่ช่วยเพิ่มมิติและลดความยากในการจัดองค์ประกอบภาพลงได้ค่อนข้างเยอะ ขณะที่คุณภาพของกล้องเมื่อถ่ายในที่แสงเพียงพอ ถึงแม้จะไม่ได้ดีเหมือนกล้องบนสมาร์ทโฟนท็อปๆ แต่ก็ไม่ได้แย่มาก หากซูมดูอาจยังความแตกของภาพบ้าง ส่วนฟีเจอร์ HDR เหมือนช่วยปรับสีปรับคอนทราสต์ให้สมดุลมากขึ้น
ส่วนปัญหาหลักๆ ของกล้องคือการถ่ายในที่แสงน้อย ด้วยความที่ไม่มี OIS ทำให้ภาพเบลอง่ายมาก ไม่รวมน้อยส์มหาศาลในภาพ ขณะที่ในแง่การใช้งานตัวซอฟต์แวร์เจอปัญหาหลุดโฟกัสหรือแล็คตอนกดชัตเตอร์อยู่บ้าง ซึ่งออกแนวน่ารำคาญในการใช้งานมากกว่า
บนไม่เปิด HDR ล่างเปิด HDR
เป็นจุดเด่นที่สุดใน ZenFone Max Pro ไม่ว่าจะด้วยขนาดแบตเตอรี่ 5,000 mAh และอาจได้ฟีเจอร์ Doze บนแอนดรอยด์ Nougat มาช่วยหรือการจัดการแบตเตอรี่ของ ASUS เองที่ทำให้การใช้งานแบบทั่วไปใน 1 วันใช้แบตเตอรี่ไปไม่ถึง 50% และหากกลับบ้านมาตั้งไว้เฉยๆ ก็เกือบๆ พอจะใช้งานต่อได้อีกวันด้วยซ้ำไป
ASUS เองยังจัดแอป Power Master มาให้ในเครื่องสำหรับปรับแต่งการจัดการแบตเตอรี่ให้ยืดหยุ่นและอิสระมากขึ้น อย่างง่ายทีสุดคือปรับโหมดการใช้งานแบตเตอรี่จาก Normal มาเป็น Power Saving คือตัวเครื่องจะตัดการเชื่อมต่อต่างๆ ลงไปเมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ Sleep ซึ่งก็ช่วยให้การใช้งานในวันที่ 2 อยู่ได้อีกทั้งวัน ไปจนถึงการจัดการแอปเบื้องหลังต่างๆ
ASUS ยังแถม OTG Cable มาให้สำหรับการ Reverse Charging ปล่อยไฟจาก ZenFone Max Pro ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นด้วย
อย่างไรก็ตามปัญหาหลักๆ ในแง่การใช้งานแบตเตอรี่คือหัวชาร์จที่แถมมาให้ (จ่ายไฟ 5V2A) ไม่รองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็ว ทำให้ด้วยปริมาณแบตเตอรี่ขนาดนี้ต้องใช้เวลาชาร์จ 4-5 ชั่วโมงซึ่งนานมาก หรือแม้แต่ผมลองเสียบกับหัวชาร์จที่เป็น Quick Charge 2.0 ก็ยังไม่เร็วขึ้นแต่อย่างใด
โจทย์การใช้สมาร์ทโฟนของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป หากอย่างได้เครื่องถึกๆ ทนๆ ในแง่แบตเตอรี่ ไม่ซีเรียสเรื่องกล้องพอถ่ายได้เป็นพอ หรือถือเป็นเครื่องสำรอง ZenFone Max Pro น่าจะตอบโจทย์และด้วยค่าตัวต่ำหมื่นถือว่าน่าสนใจมากๆ แต่หากอยากได้เครื่องแรงสำหรับเล่นเกม กล้องดีๆ หน้าจอสวยๆ อาจต้องมองรุ่นที่สูงกว่านี้ครับ