แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาส 4 ตามปีการเงินบริษัท (กรกฎาคม-กันยายน) มีรายได้รวม 52,579 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 10,714 ล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากตลาดต่างประเทศ (ไม่รวมอเมริกา) คิดเป็น 62% ของรายได้รวม
ในไตรมาสที่ผ่านมาแอปเปิลเริ่มขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งก็สะท้อนกลับมาโดย iPhone ขายไปได้ 46.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน ส่วน iPad ขายได้ 10.3 ล้านเครื่อง (+11%) และ Mac ขายได้ 5.4 ล้านเครื่อง (10%)
ธุรกิจบริการ (App Store, Apple Music, iTunes) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไตรมาสนี้มีรายได้เฉพาะธุรกิจส่วนนี้ 8,501 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 34% อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือยอดขายในประเทศจีน ซึ่งอยู่ที่ 9,801 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12%
มีอีกหลายประเด็นน่าสนใจในช่วงแถลงประกอบการดังนี้
- แอปเปิลคาดยอดขายไตรมาสปัจจุบัน อยู่ราว 84,000-87,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนราว 8% โดยซีอีโอ Tim Cook บอกว่าเรื่องนี้สะท้อนว่าแอปเปิลมองสถานการณ์ตอนนี้เป็นบวกมาก
- เมื่อถามถึง iPhone X ที่มีราคาสูงว่าจะขายดีไหม Cook บอกว่า "แล้วเราจะได้เห็นว่าเป็นอย่างไร"
- นอกจากนี้ Cook ยังเสริมเมื่อมีคำถามว่าราคา iPhone X นั้นแพงมาก เขาบอกว่า "ก็เท่ากับราคากาแฟวันละแก้วในร้านดีๆ" (สำหรับคนไทย กาแฟนี้ต้องแก้วละ 125 บาท)
- Cook ตอบประเด็น iPhone X ผลิตไม่ทันว่าแอปเปิลกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อให้แน่ใจว่าจะส่งมอบ iPhone X ได้ทันความต้องการ
- แอปเปิลไม่ตอบตัวเลข Apple Watch แต่บอกเพียงกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ (รวมหูฟังด้วย) มีรายได้เพิ่มขึ้น 75%
- ยอดขาย Mac ที่เติบโตมาจาก MacBook Pro เป็นหลัก ขณะที่กลุ่มการศึกษามีการซื้อ Mac เพิ่มระดับเลขสองหลัก
- Cook บอกว่าตลาดประเทศจีนมีคนย้ายจาก Android มา iPhone เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
- จำนวนผู้สมัครใช้ Apple Music เพิ่มขึ้น 75%
ที่มา: แอปเปิล และ Business Insider