แชร์ประสบการณ์ทดลองขับ Nissan LEAF รุ่นใหม่ บนถนนจริง ณ เมืองโยโกฮามา

by BlackMiracle
19 November 2017 - 05:33

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นิสสันได้เปิดตัว Nissan LEAF รุ่นใหม่ (model change) โดยปรับปรุงดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น มาพร้อมแบตเตอรี่ออกแบบใหม่ที่นิสสันเคลมว่าวิ่งได้ระยะทาง 400 กม. ตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่น รวมถึงไฮไลท์คือระบบ ProPILOT และ ProPILOT Park ที่เป็นขั้นแรกของการขับอัตโนมัติ (autonomous driving)

ผ่านมาไม่ถึงสองเดือนดี นิสสันมอเตอร์ประเทศไทยได้เชิญสื่อไทยกลุ่มเล็กๆ ไปร่วมงาน Tokyo Motor Show 2017 และได้มีการจัดให้ทดลองขับ Nissan LEAF รุ่นใหม่นี้ด้วย โดยพวกเราถือเป็นสื่อไทยกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้เลยทีเดียว เชิญติดตามกันเลยครับ

ช่วงสายของวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 พวกเรามาถึงสำนักงานใหญ่ของนิสสัน (Nissan Global HQ) ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยบริเวณที่ไปเรียกว่า Gallery คือเป็นส่วนจัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ ของนิสสัน มีตั้งแต่ Nissan Note ไปจนถึง Nissan GT-R Nismo และรถคอนเซ็ปต์จัดแสดงอยู่ จากนั้นพวกเราเข้าไปฟังบรีฟเรื่องกำหนดการต่างๆ ของวันนี้

Nissan LEAF รุ่นใหม่มีฟีเจอร์ที่สำคัญ 2 อย่างคือ ProPILOT และ e-Pedal ดังนี้

  1. ProPILOT เป็นฟีเจอร์ขั้นเริ่มต้นของการขับอัตโนมัติ รถสามารถขับอยู่ในเลนตัวเองได้ทั้งทางตรงและทางโค้ง รวมถึงรักษาระยะห่างจากคันข้างหน้าให้ด้วย แต่ยังใช้ได้บนไฮเวย์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ProPILOT Park ที่ถอยเข้าช่องจอด และจอดเทียบให้อัตโนมัติได้
  2. e-Pedal เป็นการขับด้วยคันเร่งอย่างเดียว เมื่อกดคันเร่ง รถก็จะวิ่งไปตามปกติ แต่พอเริ่มถอนคันเร่งรถจะค่อยๆ เบรกให้เอง หากยกเท้าออกหมด รถจะเบรกด้วยแรง 0.2 g จนกระทั่งหยุดนิ่ง โดยตอนเริ่มเบรกจะหน่วงด้วยมอเตอร์พร้อมปั่นไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ จนรถใกล้หยุดนิ่งจึงเปลี่ยนไปใช้เบรกที่ล้อ ซึ่งช่วงแรกที่ยกคันเร่งไฟเบรกจะยังไม่ติด และจะติดเองเมื่อเบรกถึงจุดหนึ่ง

รายละเอียดแบบเจาะลึกของฟีเจอร์ทั้งสอง ตามไปอ่านได้ในบทความ เยี่ยมชม Nissan Advanced Technology Center เมืองโยโกฮามา พร้อมรับฟังยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน

เจ้าหน้าที่ของนิสสันแจ้งว่าเราจะเริ่มขับออกถนนจริงไปในเมืองก่อน เพื่อให้ทดลองระบบ e-Pedal ที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง จากนั้นจะขึ้นทางด่วนเพื่อทดลองระบบ ProPILOT มุ่งหน้าลงใต้ไปที่ท่าเรือบริเวณ Yokohama Bayside Marina โดยที่ท่าเรือนี้นิสสันได้จัดพื้นที่ลานจอดรถไว้เพื่อให้ทดลองระบบ ProPILOT Park หรือการเข้าช่องจอดอัตโนมัติ จากนั้นจึงขับกลับ Nissan Global HQ ใช้เวลาขับเที่ยวละประมาณครึ่งชั่วโมง

เมื่อบรีฟกันเสร็จ ก็ถึงเวลาขับ เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินมาด้านหน้า Gallery ก็พบกับ LEAF จอดเรียงกันอยู่ ผมเลือกคันสีขาว หลังคาสีน้ำเงินเข้มที่เมื่อเจอแสงแดดจะเห็นเป็นสีน้ำเงินประกาย เจ้าหน้าที่เดินมาอธิบายวิธีการเปิดโหมด ProPILOT และ e-Pedal พร้อมบอกรายละเอียดซ้ำอีกนิดหน่อย ปรับเบาะและกระจกให้เข้าที่เราก็พร้อมเดินทาง

นิสสันค่อยๆ ปล่อยรถทดลองออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2 คัน และรถนำทาง 1 คัน ขับออกไปได้สักพักเจ้าหน้าที่จากรถนำทางก็วิทยุมาบอกให้ทดลองใช้ e-Pedal ผมกดปุ่มเปิดการทำงาน บนหน้าจอขึ้นสัญลักษณ์บอกว่าระบบถูกเปิด ความรู้สึกแรกของการใช้คันเร่งอันเดียวในการขับต้องบอกว่า “ไม่ชิน” เพราะเรายังไม่รู้ว่าพฤติกรรม (behavior) หรือคุณลักษณะ (characteristics) ของ e-Pedal เป็นอย่างไร

ในช่วงแรกที่ใช้ e-Pedal นั้น เมื่อต้องเบรกผมปล่อยคันเร่งออกหมด ทำให้รถหน่วงค่อนข้างมาก (คล้ายการลดเกียร์ลงในรถเกียร์ธรรมดา) ทั้งที่สถานการณ์นั้นๆ เราแตะเบรกนิดๆ ก็เพียงพอ ขับไปสักพักก็เริ่มจับทางได้ว่าแค่ค่อยๆ ถอนคันเร่งออกเพียงนิดเดียว ก็ได้ผลเหมือนการแตะเบรกนิดๆ แล้ว เมื่อขับไปได้สัก 10 นาที ความรู้สึกคือเริ่มชิน และใช้งานได้เป็นธรรมชาติพอสมควร รู้ว่าควรเริ่มถอนคันเร่งตอนไหนที่จะหยุดติดไฟแดงได้พอดี ไม่ชิดหรือห่างคันข้างหน้ามากเกินไป

ต่อมากลุ่มของเราขับขึ้นทางด่วน เริ่มใช้ความเร็วได้มากขึ้น เจ้าหน้าที่วิทยุมาบอกว่าให้กดปุ่มเปิดระบบ ProPILOT โดยปุ่มเปิดอยู่ด้านขวาของพวงมาลัย ปุ่มบริเวณนี้ใช้ควบคุมหลายอย่างเช่นปรับระยะห่างจากรถคันหน้า, เพิ่มหรือลดความเร็ว รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียงและโทรศัพท์ก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน

เมื่อกดปุ่ม ProPILOT สีฟ้า ระบบก็เริ่มทำงานทันที บนหน้าจอมีคำว่า PILOT สีฟ้าพร้อมแสดงเส้นแบ่งเลนและระยะห่างจากคันข้างหน้า เจ้าหน้าที่บอกให้ตั้งความเร็วที่ 80 กม./ชม. รถก็รักษาตำแหน่งให้อยู่ในเลน โดยที่ผมเอามือจับพวงมาลัยไว้อย่างเดียว หากเอามือออกประมาณ 5 วินาทีบนหน้าจอจะมีข้อความเตือนก่อน และถ้าอีก 5 วินาทีเรายังไม่จับพวงมาลัย รถจะส่งเสียงเตือนถี่ๆ ซึ่งเราต้องจับแบบเต็มไม้เต็มมือ (firm) สัญญาณเตือนถึงจะดับ

ระบบ ProPILOT พารถวิ่งไปตามทางด่วนเรื่อยๆ เข้าโค้งตามถนนไปได้ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังไม่เพอร์เฟ็ค คือเราวิ่งอยู่เลนซ้ายสุด แล้วเจอโค้งขวา รถเริ่มเข้าโค้งไปได้นิดเดียวแล้วงงอย่างไรไม่ทราบ ทำท่าจะโค้งเข้าไปกินเลนที่สอง ต้องหักพวงมาลัยกลับเข้าเลนตัวเอง และขากลับพี่ในกลุ่มอีกคนเป็นคนขับก็เจออาการคล้ายๆ กัน เป็นโค้งขวาเหมือนกัน รถตามโค้งไปนิดเดียวแล้วเหมือนจะตรงออกนอกโค้งไปซะอย่างนั้น ต้องรีบหักพวงมาลัยกลับเข้ามา

เมื่อขับถึงจุดหมาย พื้นที่บริเวณนั้นเป็นท่าเรือ นิสสันจัดลานจอดรถเล็กๆ ไว้ให้เราทดลองระบบเข้าช่องจอดอัตโนมัติ หรือ ProPILOT Park โดยเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ได้เข้ามาขับสาธิตให้ดู 1 รอบ วิธีการคือให้ขับไปจอดขวางช่องจอด แล้วกดปุ่มเริ่มการทำงานของ ProPILOT Park จากนั้นให้เราค่อยๆ ขับตรงไปช้าๆ ระหว่างนี้กล้องจะสแกนพื้นที่ด้านข้างไปเรื่อยๆ เพื่อหาช่องจอดที่เหมาะสม เมื่อรถเจอช่องจอดแล้ว จะมีไอคอนตัว P ขึ้นมาบนจอ ให้เรากดบนไอคอนนั้นเพื่อเลือกช่องจอดดังกล่าว และกดปุ่มยืนยันการจอดอีกที ตอนนี้เราเอามือออกจากพวงมาลัย และเอาเท้าออกจากคันเร่ง/เบรกได้แล้ว และกดปุ่ม Park ที่กดตอนแรกค้างไว้ รถจะเริ่มตั้งลำและถอยเข้าช่องจอดให้ หากปล่อยปุ่มกลางคัน รถจะหยุด แต่สามารถกดเพื่อจอดต่อได้ ไม่ต้องไปเริ่มใหม่หมด

หากบริเวณที่จะจอดไม่มีเส้นแบ่งช่องจอด Nissan LEAF ก็ยังจอดอัตโนมัติให้ได้เช่นกัน โดยมันจะกะระยะความกว้างของช่องจากรถที่จอดขนาบซ้ายขวาของช่องให้เอง และหากช่องที่รถเล็งไว้ไม่เหมาะสม เช่นชิดด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป เราก็ปรับละเอียดเองได้ด้วย (ดูในวิดีโอ) นอกจากนี้รถยังจอดเทียบด้านข้างได้เช่นกัน (อันนี้ไม่ได้ลอง)

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการทดลองระบบถอยจอดอัตโนมัติ พวกเราพบปัญหาว่ารถหาช่องจอดไม่เจอ โดยเจ้าหน้าที่ต้องขยับรถวิ่งหาช่องจอดใหม่ รถถึงจะแจ้งว่ามีช่องจอดได้ 1 ช่อง (ทั้งที่บริเวณนั้นทุกช่องว่างหมด) ซึ่งวิศวกรของนิสสันระบุว่าปัญหาอาจเกิดจากแสงอาทิตย์จ้ามากเกินไปจนรบกวนการทำงานของกล้อง ผมเลยไม่แน่ใจว่าในการใช้งานจริงจะมีปัญหาแนวนี้อีกหรือไม่

วิศวกรของนิสสันยังบอกอีกว่าความเร็วสูงสุดที่สามารถใช้ ProPILOT ได้นั้นขึ้นอยู่กับกฎหมายแต่ละประเทศ แปลว่าในประเทศไทยอาจใช้ได้ที่ความเร็วสูงถึง 120 กม./ชม. เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการขับขี่ทั่วไป เนื่องจากได้ขับเพียงครึ่งชั่วโมงยังบอกอะไรมากไม่ได้ อัตราเร่งไม่ได้ลองเหยียบมิดจากหยุดนิ่ง แต่ได้ลองเหยียบเกือบมิดบนทางด่วนเพียงไม่กี่วินาทีเพราะอยากรู้สึกถึงอัตราเร่ง บอกได้ว่ารถ “ดึง” มากทีเดียว (มากกว่า Camry 2.5 Hybrid เหยียบมิดอยู่พอตัว) มุมมองจากที่นั่งคนขับถือว่าดี ภายในส่วนตัวผมว่าดี มีกลิ่นอายของรถยุโรปนิดๆ กระจกมองหลังเป็นจอนะครับ (เข้าใจว่าเป็นออปชั่น) เกียร์ทรงแปลกที่ใช้มาตั้งแต่ LEAF รุ่นแรกยังคงอยู่ในรุ่นนี้ แต่การใช้งานไม่มีอะไรประหลาด

ระยะทางที่นิสสันเคลมไว้ว่า 400 กม. อาจดูเกินจริงไปบ้าง เพราะจากรถที่ได้ทดลอง บนหน้าจอบอกว่าเหลือแบต 85% แต่ระยะทางเหลือวิ่งได้ 218 กม. หากลองกะๆ ดู แบตเต็ม 100% คงไม่น่าวิ่งได้ถึง 400 กม. ซึ่งตัวเลขพวกนี้คงไปเทียบกับ Tesla ไม่ได้ อย่าลืมว่า LEAF เป็นรถบ้าน ตั้งราคาขายในญี่ปุ่นไม่ถึง 1 ล้านบาทเท่านั้นเอง

สรุปแล้ว Nissan LEAF รุ่นใหม่นี้เป็นรถที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง เหมาะกับการวิ่งในเมืองเป็นหลักและไปต่างจังหวัดใกล้ๆ บ้างนิดหน่อย ตามข้อมูลของนิสสันระบุว่าใช้เวลาชาร์จ 15 นาทีด้วยเครื่องชาร์จด่วน 50 kW จะวิ่งได้อีก 100 กม. ซึ่งการวิ่งในเมืองไม่มีปัญหาแน่ๆ เช่นขับ 2-3 วันชาร์จ 1 ครั้งก็ยังได้ (คนที่กลัวรถติดแล้วแบตหมดกลางทางโปรดคิดใหม่) อย่างไรก็ตาม เราต้องคอยดูว่าระบบเครือข่ายเครื่องชาร์จจะติดตั้งทั่วถึงแค่ไหน สำหรับคนไทยก็รอชมกันได้เลย เพราะนิสสันมอเตอร์ประเทศไทยได้ยืนยันแล้วว่าจะนำเข้ามาทำตลาดแน่นอน

ผมได้ทำวิดีโอระหว่างการทดลองขับมาด้วย รับชมได้ด้านล่างครับ

Blognone Jobs Premium