กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ Department of Justice (DOJ) ได้ยื่นฟ้องสั่งหยุดการควบรวมบริษัท AT&T กับ Time Warner โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดได้
DOJ กล่าวว่า ถ้าเกิดการควบรวมบริษัทสำเร็จ จะทำให้ทาง AT&T และ Time Warner ใหญ่ขึ้น เป็นภัยคุกคามต่อผู้บริโภคโดยการลดการแข่งขันกับผู้กระจายวิดีโอแบบดั้งเดิม และคู่แข่งออนไลน์ ซึ่งหลังจากการรวมบริษัทแล้ว จะทำให้บริษัทมีอำนาจในการทำให้คู่แข่งนั้นมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลงโดยการขึ้นราคา ผลลัพธ์คือจะทำให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายแพงขึ้น และยังมีผลต่อการเติบโตของช่องทางออนไลน์ที่ดูจะเป็นภัยคุกคามระบบ pay-TV ดั้งเดิมด้วย
ในฝั่ง AT&T นั้น กล่าวว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ในเวลานับทศวรรษที่ผ่านมา DOJ ก็ปล่อยให้เกิดดีลลักษณะนี้มาแล้วนับร้อยครั้ง แถมการควบบริษัทจะยิ่งทำให้เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้น ในสมรภูมิของอุตสาหกรรมนี้ที่มีการแข่งขันกันอยู่แล้ว และยังชี้ให้เห็นว่าอย่าง Comcast และ Netflix ที่เข้าซื้อกิจการผู้ผลิตคอนเทนต์ ผู้คนก็ไม่ได้ถูกคุกคามจากการควบบริษัท จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่การเข้าซื้อ Time Warner ของ AT&T จะเป็นการหน่วงนวัตกรรมหรือนำไปสู่การขึ้นราคากับผู้บริโภค
ดีลของการเข้าซื้อ AT&T กับ Time Warner นั้นจะคล้ายกับ Comcast เข้าซื้อ NBC Universal ซึ่งในครั้งนั้น DOJ ก็ให้ดีลนี้ผ่านไปด้วยดี แต่ก็ถูกหน่วยงานด้านการกำกับดูแลตั้งข้อกำหนดระหว่างสองบริษัท เพื่อป้องกันการคุกคามหน้าใหม่ในวงการ (และข้อกำหนดนี้กำลังจะหมดในปีหน้า)
สิ่งที่น่าสนใจที่สำนักข่าวต่างประเทศหลายที่ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมคือ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ CNN ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือ Time Warner และตอนช่วงก่อนเลือกตั้ง Trump กล่าวไว้ว่าดีลนี้จะไม่ได้รับการอนุมัติภายใต้การบริหารของเขา เพราะทำให้คนกลุ่มน้อยมีพลังมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดคำถามว่าการกระทำของ DOJ ในครั้งนี้เกิดจากแรงผลักดันทางการเมืองหรือไม่
ที่มา - The Verge