รีวิว Asus ZenBook Flip S โน้ตบุ๊กพับจอเกรดพรีเมียม มีปากกา เบาเพียง 1.1 กิโลกรัม

by mk
6 December 2017 - 16:24

ตลาดโน้ตบุ๊กกลุ่มพรีเมียมในช่วงหลัง เริ่มมุ่งไปในทิศทางของ 2-in-1 มากขึ้น ทั้งกลุ่มที่เป็นถอดจอได้ (detachable) และพับจอได้ (convertible) ซึ่งผู้ผลิตเกือบทุกรายต่างก็ทำผลิตภัณฑ์กลุ่มโน้ตบุ๊กพับจอได้ที่เป็นสายบางเบา พกพาสะดวก แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพสูงไว้รองรับงานได้เกือบทุกรูปแบบ (ก่อนหน้านี้เราเคยรีวิว HP EliteBook x360 ที่เป็นตัวท็อปของฝั่งธุรกิจของ HP ไปแล้ว)

Asus ZenBook ก็มีซีรีส์ที่ห้อยคำว่า Flip ซึ่งหมายถึงพับจอได้ โดยตัวที่เป็นเรือธงของซีรีส์ Flip ก็คือ Asus ZenBook Flip S โน้ตบุ๊กพับจอได้ที่น่าจะถือว่าบางและเบาที่สุดในท้องตลาด ด้วยน้ำหนักเพียง 1.1 กิโลกรัมเท่านั้น

สเปกเครื่อง

สเปกของ Asus ZenBook Flip S ตัวที่ได้รับมาทดสอบ (UX370UA) มีดังนี้

  • ซีพียู Core i7-7500
  • จีพียู Intel HD 620
  • แรม 8GB
  • SSD 512GB
  • หน้าจอ 13.3" Full HD (1920x1080) พร้อมกระจก Gorilla Glass
  • พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C x2 รองรับความเร็ว USB 3.1
  • มีตัวสแกนลายนิ้วมือ
  • แบตเตอรี่ขนาด 39Wh โฆษณาว่าอยู่ได้ 11.5 ชั่วโมง มีระบบ Fast Charge
  • น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม

อุปกรณ์ที่ให้มาในชุด ประกอบด้วยปากกา Active Pen, ซองหนังสำหรับใส่โน้ตบุ๊ก, ASUS mini dock สำหรับแปลงพอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-A, HDMI

ราคาขายในไทยอยู่ที่ 63,990 บาท โดย Asus Thailand นำเข้ามาเพียงรุ่นย่อยเดียว ไม่มีสเปกย่อยตัวอื่นให้เลือก

คู่แข่งในท้องตลาด

คู่แข่งของ Asus ZenBook Flip S ต้องบอกว่าหาตัวมาเทียบตรงๆ ได้ยาก เพราะรุ่นที่มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกันอย่าง Acer Spin 7 (1.2 กิโลกรัม) หรือ Dell XPS 13 2-in-1 9365 (1.24 กิโลกรัม) เลือกใช้ซีพียู Core รหัส Y ที่กินไฟน้อยกว่า (TDP 4.5W) ในขณะที่ ZenBook Flip S มีน้ำหนักเบากว่าแต่เลือกใช้ซีพียู Core รหัส U ที่ประสิทธิภาพดีกว่า (TDP 15W)

ส่วนคู่แข่งที่เลือกใช้ซีพียูรหัส U ก็จะออกแบบให้ขนาดและน้ำหนักมากกว่า ZenBook Flip S เช่น HP Spectre x360 (1.26 กิโลกรัม ได้พอร์ต USB ขนาดเต็มเพิ่มมา) หรือ Lenovo Yoga 920 (1.37 กิโลกรัม แต่เป็นจอ 14")

ดังนั้น Asus ZenBook Flip S ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นมากในท้องตลาด เพราะตอบโจทย์ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ (ซีพียู Core i7 รหัส U) และความสะดวกในการพกพา (น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม)

ดีไซน์

Asus ZenBook Flip S มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือน้ำเงิน Royal Blue และเทา Smoky Grey โดยรุ่นที่ได้มาทดสอบเป็นสีน้ำเงินขอบเหลือง Royal Blue

ต้องบอกว่าสีน้ำเงินขอบเหลือง Royal Blue ตัวนี้เป็นสีพิเศษของซีรีส์ ZenBook ที่พยายามสร้างเอกลักษณ์ให้ต่างไปจากโน้ตบุ๊กโทนสีเงิน-เทา-ดำทั่วๆ ไปในท้องตลาด ชนิดว่าเห็นแล้วจดจำได้ทันทีว่านี่เป็นโน้ตบุ๊กยี่ห้อ Asus นั่นเอง

ตัวบอดี้ทำมาจากวัสดุเป็นอะลูมิเนียมเบอร์ 6013 ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน แข็งแรงกว่าเบอร์ 6063 ที่ใช้กันในโน้ตบุ๊กทั่วไป แถม Asus ยังทำลายให้ดูเป็นผิวขัดโลหะที่มีลูกเล่นพอสมควร เมื่อบวกกับลูกเล่นการขลิบขอบสีเหลืองทอง ก็ทำให้โน้ตบุ๊กดูพรีเมียมและแตกต่าง

จุดขายของ ZenBook Flip S อยู่ที่ความบางเพียง 10.9 มิลลิเมตร ซึ่งก็ถือว่าบางจริง (เทียบกับ MacBook ที่บาง 13.1 มิลลิเมตรก็ถือว่าบางกว่าซะด้วย) ส่วนน้ำหนัก 1.1 กิโลกรัมอาจหนักกว่า MacBook (0.9 กิโลกรัม) อยู่หน่อย แต่ก็ได้จอใหญ่กว่า ซีพียูแรงกว่า แถมพับจอเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย

พอร์ตเชื่อมต่อ

โน้ตบุ๊กตัวบางขนาดนี้ย่อมมีพอร์ตเชื่อมต่อที่จำกัดพอสมควร กรณีของ FlipBook S ให้พอร์ต USB-C มาสองพอร์ตด้านซ้ายและขวา (ใช้ชาร์จไฟได้ทั้งสองพอร์ต) และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น

ข้อดีของ FlipBook S คือการแถมตัว mini dock มาให้ในชุดเลย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อไม่ต้องไปลำบากหา dock เพื่อเชื่อมต่อ HDMI หรือ USB-A เอง

ที่ด้านข้างของตัวเครื่องยังมีปุ่ม power, volume และตัวสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้าง ใช้งานได้ทั้งโหมดโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต ใช้ร่วมกับ Windows Hello ได้โดยตรง จากการลองใช้งานจริงพบว่าสแกนได้เร็ว แต่จะยากเล็กน้อยตอนหาตำแหน่งของตัวสแกน เพราะอยู่ด้านข้างที่เรามองไม่เห็นเสมอไป ต้องใช้วิธีคลำๆ เอาเพื่อหาตำแหน่งที่ถูกต้อง

คีย์บอร์ดและทัชแพด

คีย์บอร์ดของ FlipBook S เป็นคีย์บอร์ดขนาด full size และมีไฟ backlit ในตัว

ข้อจำกัดของคีย์บอร์ดคือมีระยะกดปุ่ม (key travel) เพียง 1.0 มิลลิเมตร อาจน้อยไปนิดสำหรับคนที่ชอบพิมพ์คีย์บอร์ดเด้งๆ หน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นข้อจำกัดของการออกแบบ ที่โน้ตบุ๊กบางขนาดนี้ย่อมมีระยะ key travel ได้ไม่เยอะมากนักอยู่แล้ว

ส่วนทัชแพดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมยังเป็น precision touchpad ตามสมัยนิยม รองรับท่า gesture ต่างๆ ได้ตามมาตรฐานของไมโครซอฟท์ (เดี๋ยวนี้ทัชแพดของโน้ตบุ๊กรุ่นพรีเมียม เริ่มเป็น precision touchpad กันเกือบหมดแล้ว เลยเริ่มไม่ค่อยแตกต่างกันนัก)

การใช้งานเป็นแท็บเล็ต

ตัวบานพับของ ZenBook Flip S เป็นบานพับสองจังหวะ เมื่อเปิดฝาขึ้นมาจะเอียงเหมือนโน้ตบุ๊กปกติ แต่พอกางฝาบนออกจนเกือบจะเป็นแนวราบ บานพับจะขยับอีกจังหวะลงไปจากเดิม ช่วยดันให้ขอบบนของเครื่องลอยขึ้นมาจากพื้นเล็กน้อย (คีย์บอร์ดจะเป็นมุมเอียง องศาเหมะกับการวางมือมากขึ้น) และเมื่อพับจอกลับไปจนสุด ก็จะกลายร่างเป็นแท็บเล็ตนั่นเอง

ด้วยน้ำหนักของ ZenBook Flip S เพียง 1.1 กิโลกรัม ทำให้การถือมันในฐานะแท็บเล็ตไม่ลำบากจนเกินไป น้ำหนักเบาพอที่จะถืออ่านหนังสือได้นานๆ จุดติคงมีว่าหน้าจอสัดส่วน 16:9 ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้เป็นแท็บเล็ตนัก (ไมโครซอฟท์ถึงหนีเป็น 3:2) และขอบหน้าจอด้านล่างที่หนากว่าส่วนอื่นๆ ก็อาจทำให้การเป็นแท็บเล็ตดูขาดๆ เกินๆ ไปสักหน่อย แต่ภาพรวมก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร

Asus แถมปากกามาให้ในชุดด้วย มันสามารถใช้งานกับ Windows Ink ของ Windows 10 ได้สมบูรณ์ ปากกาคล้ายกับปากกาของ Surface แต่มีปุ่มที่ด้านข้างสองปุ่ม (ปุ่มด้านบนใช้เป็นคลิกขวาได้) บวกกับซองหนังที่ให้มามีช่องเสียบปากกาในตัว การพกพาปากกาไปกับตัวเครื่องจึงสะดวกและเป็นธรรมชาติ

แบตเตอรี่

จุดอ่อนสำคัญของ Asus ZenBook Flip S คงเป็นเรื่องแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยอึดเท่าไรนัก อันนี้คงเป็นข้อเสียของการใส่ Core i7 รหัส U เข้ามาในฟอร์มแฟคเตอร์ที่บางขนาดนี้ (คู่แข่งที่ขนาดไล่ๆ กันจึงใช้รหัส Y แทน) ในแง่การใช้งานจึงควรพกอแดปเตอร์ติดตัวไปด้วย สำหรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ

สรุป

Asus ZenBook Flip S ถือเป็นพีซีแบบ 2-in-1 พับจอได้ที่ค่อนข้างครบเครื่อง ทั้งสเปก ฟีเจอร์ และน้ำหนัก ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในฐานะโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต จุดเด่นของมันคือน้ำหนักที่เบาเพียง 1.1 กิโลกรัม พกพาสะดวกมาก ใช้เป็นแท็บเล็ตได้อย่างไม่ลำบากนัก และอุปกรณ์เสริมที่ Asus ให้มาครบไม่ต้องซื้อหาอะไรเพิ่ม

จุดอ่อนของมันคงเป็นเรื่องอายุของแบตเตอรี่ที่ใช้ได้น้อยไปสักนิด และราคาที่แพงไปสักหน่อย เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรายที่ขายเพียง 3 หมื่นต้นไปจนถึง 5 หมื่นเท่านั้น

ข้อดี

  • ขนาดบาง น้ำหนักเบา พกพาสะดวกจริงๆ
  • พับจอเป็นโหมดแท็บเล็ตได้ ยิ่งน้ำหนักเบายิ่งเหมาะกับการใช้เป็นแท็บเล็ต
  • ซีพียู Core i7 รหัส U ให้ประสิทธิภาพเหลือเฟือสำหรับงานทั่วไป
  • มีตัวสแกนลายนิ้วมือ รองรับ Windows Hello
  • ให้อุปกรณ์เสริมมาครบถ้วน ทั้งซอง ปากกา และตัวแปลง dock

ข้อเสีย

  • พอร์ตเชื่อมต่อยังจำกัดแค่ USB-C
  • อายุของแบตเตอรี่น้อยไปสักหน่อย
  • ราคาแรงไปนิด
Blognone Jobs Premium