ข่าวสำคัญที่นักพัฒนาสาย Android ควรทราบ กูเกิลประกาศนโยบายใหม่สำหรับ Play Store หลายข้อ กำหนดเวอร์ชันของ API (ในที่นี้คือ targetSdkVersion) ในปี 2018, กำหนดว่าต้องเป็นแอพแบบ 64 บิตเท่านั้นในปี 2019, และบังคับให้ต้องมี metadata ด้านความปลอดภัย
Target API level ขั้นต่ำ
ข้อกำหนดนี้ไม่ได้แปลว่า กูเกิลจะไม่รองรับการใช้แอพกับ Android รุ่นเก่ากว่า 8.0 เพราะกูเกิลจะไม่ยุ่งอะไรกับค่า minSdkVersion และแนะนำให้นักพัฒนารองรับ Android เวอร์ชันเก่าตามสมควร ส่งผลให้แอพสามารถรันได้บน Android เวอร์ชันเก่า แต่อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเข้าไม่ถึงฟีเจอร์บางอย่างของ API เวอร์ชันใหม่ๆ
กูเกิลยังระบุว่าในอนาคต Android เวอร์ชันใหม่ๆ (เช่น Android P หรือ Q) จะจำกัดไม่ให้รันแอพที่ตั้ง targetSdkVersion เก่าจนเกินไป จนส่งผลต่อประสิทธิภาพหรือความปลอดภัยด้วย สิ่งที่กูเกิลต้องการคือพยายามให้แอพใช้ API เวอร์ชันใหม่ๆ ให้มากขึ้น ลด fragmentation ในระบบ แต่ก็จะมีเวลาให้นักพัฒนาปรับตัว และประกาศแผนล่วงหน้าให้นานพอ
64 บิต
นอกจากเรื่อง API กูเกิลยังประกาศแผนการเปลี่ยนผ่านโลก Android เข้าสู่ยุค 64 บิตเต็มตัว (แอปเปิลทำเสร็จไปแล้วเมื่อกลางปีนี้) โดยปัจจุบันอุปกรณ์ Android ประมาณ 40% ของตลาดรองรับ 64 บิตเรียบร้อยแล้ว และอนาคตระยะยาว Android จะรองรับเฉพาะ 64 บิตเพียงอย่างเดียว
แผนการเตรียมพร้อมของกูเกิลคือ ในเดือนสิงหาคม 2019 แอพใหม่และแอพเก่าที่มีอัพเดตบน Play Store จะต้องมีเวอร์ชัน 64 บิตด้วย (จะมี 32 บิตหรือไม่นั้นไม่บังคับ)
กูเกิลบอกว่าประกาศแผนการล่วงหน้าให้นานเกือบ 2 ปี เพื่อให้นักพัฒนามีเวลาเตรียมตัว
Security Metadata
ประกาศข้อสุดท้ายคือ Play Store จะเพิ่มข้อมูล metadata เกี่ยวกับความปลอดภัยลงในไฟล์ APK ทุกไฟล์ เพื่อยืนยันว่าเป็นแอพที่ดาวน์โหลดจาก Play Store จริงๆ (ไม่ได้ sideload มาจากแหล่งอื่น)
ตรงนี้นักพัฒนาไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพราะกูเกิลจะเพิ่ม metadata ให้อัตโนมัติ (และกูเกิลจะขยายขนาดสูงสุดของไฟล์ APK ให้อีกเล็กน้อยด้วย) การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลช่วงต้นปี 2018
ที่มา - Android Developers Blog