เช้าวันนี้เวลาเกือบตีสี่ตามเวลาประเทศไทย SpaceX ได้ยิงจรวด Falcon Heavy ออกจากฐานปล่อย 39A ที่แหลมคานาเวอรัลได้ตามที่วางแผนไว้ เครื่องยนต์ทั้ง 27 เครื่องทำงานพร้อมกันและพาจรวดออกสู่ห้วงอวกาศด้วยแรงขับสูงถึง 22,819 กิโลนิวตัน
หลังจรวด Falcon Heavy บินขึ้นไปราว 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ด้านซ้ายและขวาก็แยกตัวออกจากบูสเตอร์หลัก หมุนตัว 1 ทีและบินกลับมายังโลก พร้อมลงจอดที่ฐานจอด LZ-1 และ LZ-2 พร้อมกันได้สำเร็จ โดยบูสเตอร์ทั้งสองตัวนี้เคยถูกใช้งานมาก่อน หนึ่งในนั้นได้ทำภารกิจปล่อยดาวเทียมไทยคม 8 ให้ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2016
ต่อมาบูสเตอร์หลักได้ปล่อย fairing หรือส่วนหัวของจรวด ซึ่งเป็นที่ที่เก็บ payload เอาไว้ให้ลอยต่อไป สำหรับภารกิจนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster สีแดงของ Elon Musk เอง ในที่นั่งคนขับมีหุ่นจำลองมนุษย์สวมชุดอวกาศ หรือที่ SpaceX เรียกว่า "Starman" บนหน้าจอของรถมีข้อความเขียนว่า Don't Panic ล้อกับนวนิยายเรื่อง The Hitchhiker's Guide to the Galaxy โดยส่วนหัวนี้จะลอยไปใน Van Allen Radiation Belt หรือแถบรังสีแวนอัลเลนเป็นเวลา 6 ชั่วโมง และติดเครื่องอีกครั้งเพื่อเดินทางไปดาวอังคารต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบูสเตอร์หลักสามารถบินกลับมาลงจอดบนโดรนลอยน้ำ Of Course I Still Love You ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่ เพราะสัญญาณภาพขาดหายไปเสียก่อน และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานใดๆ ออกมาว่าการลงจอดสำเร็จหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนคิดว่าค่อนข้างน่าสงสัยว่าทำไมป่านนี้ยังไม่มีการยืนยันออกมา หรือเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับบูสเตอร์ตัวดังกล่าว
อัพเดต Elon Musk ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แล้ว ระบุว่าบูสเตอร์หลักเชื้อเพลิงหมด ติดเครื่องที่ใช้ลงจอดได้เพียง 1 จาก 3 เครื่อง ส่งผลให้มันดิ่งลงทะเลด้วยความเร็วมากกว่า 480 กม./ชม. ห่างจากโดรนลอยน้ำเพียง 100 เมตร ทำให้เครื่องยนต์ของโดรนได้รับความเสียหายอีกด้วย (คลิปเสียงจากทวีตด้านล่างนี้) - The Verge
Audio: “We lost the center core” #FalconHeavy @SpaceX pic.twitter.com/OaJhMa7f2U
— Drew King (@King_Drew16) February 6, 2018
นอกจากนี้ Elon Musk ยังได้แถลงข่าวก่อนการยิงจรวดว่า SpaceX ได้ตัดสินใจพับแผนที่จะใช้จรวด Falcon Heavy ทำภารกิจที่มีมนุษย์ขึ้นไปด้วย โดยจะใช้ BFR จรวดอีกรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีก่อนแทน
ที่มา - Space.com, Business Insider
สุดท้าย SpaceX ยังได้ถ่ายทอดสดภาพจากกล้องที่ติดอยู่บน Tesla Roadster ด้วย รับชมได้ด้านล่าง